วันเสาร์ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2552
ประโยชน์จากการซื้อประกันชีวิต
ยิ่งรายได้ของคุณมากเท่าไร คุณก็มีโอกาสสูญเสียหรือขาดทุนมากเท่านั้น ถ้าคุณมีรายได้น้อยความสูญเสียที่เกิดกับครอบครัวก็น้อยตามลงไปเช่นกัน ซึ่งโดยความเข้าใจง่ายๆแล้ว คนซื้อประกันชีวิตเพราะว่าพวกเค้าอาจจะคิดว่า "พวกเค้าอาจจะตายเร็ว" และแน่นอนไม่มีใครรู้แน่ว่าตัวเองจะสามารถต่อสัญญาชีวิตได้อีกนานเท่าไรก่อนจะหมดเวลาและไม่อยากให้เป็นภาระของครอบครัวเมื่อวันนั้นมาถึง
การประกันชีวิตก็คือเครื่องมือที่จะทำให้เราแน่ใจว่า ในกรณีที่มีการสูญเสียชีวิตเกิดขึ้นก่อนเวลาอันควร ซึ่งไม่มีใครคาดฝันได้นั้น และในขณะเดียวกันครอบครัวของเขาไม่จำเป็นที่จะต้องสูญเสียรายได้ที่จำเป็นไปทั้งหมดในเวลาอันเดียวกัน
การซื้อประกันชีวิต ความคิดนี้เป็นสิ่งที่มีประโยชน์มากๆ สำหรับคนที่มีครอบครัว มีการแต่งงานแล้ว มีภรรยามีสามี และลูกที่ยังเล็ก หรือแม้กระทั่ง เด็กตั้งแต่แรกเกิด จนถึงวัยเริ่มทำงานที่เริ่มจะมีรายได้ เพื่อเป็นการการันตีแด่คนที่เรารักที่จะต้องดำเนินชีวิตต่อไปเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อพวกเค้าเหล่านั้นให้ลำบากในเมื่อเวลาที่เราไม่สามารถอยู่ดูแลพวกเค้าได้ หรือจะเป็นเงินออมในอนาคตเพื่อวันก้าวไกลในวันข้างหน้า
2.เพื่อเป็นระบบของการเก็บออมที่ดี
ในอดีตนานมาแล้ว วิธีที่ปลอดภัยในการเก็บออมแบบหนึ่งก็คือเอาเงินใส่ถังแล้วขุดหลุมฝัง ส่วนในปัจจุบันนี้สิ่งที่ทำกันและดีกว่าใส่ถังแล้วขุดหลุมฝังนั่นก็คือการนำไปฝากกับธนาคาร และยังมีการออมเงินที่ให้ประโยชน์อีกแบบหนึ่งนั่นก็คือการออมโดยประกันชีวิต ซึ่งเป็นทางเลือกที่ดีอีกทาง ได้ทั้งออมและคุ้มครองชีวิตควบคู่กันไป
การออมโดยประกันชีวิต ก็คือ การเจียดเงินออกมาเท่าๆกันทุกเดือนมาเก็บไว้ที่กรมธรรม์ประกันชีวิต ซึ่งคนที่นำเงินมาฝากกับการทำประกันชีวิตแน่ใจได้เลยว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายอย่างแน่นอน สิ่งนี้จะเกิดขึ้นได้อย่างไร ตัวอย่างเช่น
ถ้าผู้ชายคนหนึ่งเริ่มเก็บเงิน ปีละ 30,000 บาท เขาต้องใช้เวลากี่ปีจึงจะได้ 1,000,000 บาท ถูกต้องครับเขาต้องใช้เวลา 33 ปี ซึ่งเป็นเป้าหมายที่อาจจะเป็นไปไม่ได้ (เพราะคนส่วนใหญ่ขาดวินัยในการเก็บออม) และในระหว่างปีที่เก็บออมอาจเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันกับเขา เช่นเขาเก็บมาได้ 10 ปี เป็นเงิน 300,000 บาท ผู้ชายคนนี้จะมีเงินให้กับคนข้างหลังเขาได้ใช้ประโยชน์ตามจำนวนที่เขาเก็บมา
แต่ถ้าผู้ชายคนนี้นำเงินมาออมโดยการทำประกันชีวิต โดยเริ่มเก็บเงินปีละ 30,000 บาท เหมือนกัน แต่ประกันชีวิตเก็บแค่ 30 ปีก็มีเงิน 1,000,000 บาทแล้ว และในระหว่างปีการเก็บออมมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น และเขาได้ส่งมาเพียง 5 ปี ซึ่งเป็นเงินที่เขาส่งมา 150,000 บาท แต่เขาทำประกันชีวิตที่ทุนคุ้มครอง1,000,000 บาท ทางบริษัทประกันชีวิต ก็จะมอบเงิน 1,000,000 บาทให้กับครอบครัวของเขา เห็นไหมครับว่าประโยชน์จากการออมด้วยการทำประกันชีวิตดีอย่างไร หรือกรณีที่ไม่เสียชีวิตแต่ทุพพลภาพโดยสิ้นเชิงทางประกันชีวิตก็มอบให้ 1,000,000 บาทเหมือนกัน และอีกหลายๆท่านมองการประกันชีวิตว่าเป็นการเก็บเงินที่ดีกว่า ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้
1) มีความสม่ำเสมอในการเก็บ
2) เป็นการบังคับเก็บ
3) มันเป็นเงินของคุณก็จริงแต่ไม่ง่ายที่จะหยิบมาใช้
วันพุธที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2552
Introduction
ก่อนอื่น กระผมขอแนะนำตัวเองก่อนนะครับ กระผมชื่อนายศุภฤกษ์(เอ) จบการศึกษาระดับปริญญาตรี คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาอิเล็กทรอนิกส์ ในช่วงแรกของการทำงานก็ทำงานเกี่ยวกับงานอิเล็กทรอนิกส์ทั่วไป เช่น QC , QA , R&D ในปัจจุบันนี้ดำรงตำแหน่งเป็นตัวแทนฝ่ายบริหาร คอยกำกับและดูแล ระบบการจัดการของISO ทั้งหมด ISO9001:2008 , ISO14001:2004 ,TIS/OHSAS 18001 และเป็นตัวแทนฝ่ายขายประกันชีวิตของ "ไทยประกันชีวิต" ที่ผมเลือกเป็นตัวแทนของไทยประกันชีวิตก็คือ ผมต้องการทำเพื่อคนไทยของคนไทยเพราะตั้งแต่ผมสัมผัสกับระบบISO ผมรู้สึกว่าธุรกิจในไทยเสียดุลการค้าให้กับต่างชาติมาเยอะมากทั้งๆที่คนไทยมีความสามารถเท่าเทียมหรือเก่งกว่าต่างชาติด้วยซ้ำไป และทางไทยประกันชีวิตก็มีข้อมูลที่น่าสนใจซึ่งเข้าใจคนไทยด้วยกัน ในฐานะที่เป็นตัวแทนกระผมก็จะนำเรื่องราวต่างๆ ของการประกันชีวิต มานำเสนอเพื่อให้เป็นความรู้ต่อไป แล้วถ้าท่านใดสงสัยหรือมีความสนใจสามารถติดต่อกับกระผมได้ตลอดเวลา คุณศุภฤกษ์ Mobile 080-0788720
ด้วยความนับถือ ศุภฤกษ์ ไทยประกันชีวิต ID:35178

วันพุธที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2552
ประวัติบริษัท ไทยประกันชีวิต
ความเป็นมา นับจากที่การประกันชีวิตเริ่มเป็นที่รู้จักในเมืองไทยราวสมัยรัชกาลที่ ๕ โดยมีบริษัทต่างประเทศเข้ามาดำเนินกิจการ และตั้งสำนักงานตัวแทนเสนอขายประกันชีวิตแบบตลอดชีพ พร้อมกับมีสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ เอกอัครมหาเสนาบดี เป็นผู้ถือกรมธรรม์ฉบับแรกนั้น อาจเรียกได้ว่าการประกันชีวิตยังไม่เป็นที่นิยมมากนัก แต่หลังจากที่ได้มีการก่อตั้งกองประกันภัย สังกัดกระทรวงพาณิชย์และ คมนาคมขึ้นในปี พ.ศ. ๒๔๗๒ ธุรกิจประกันชีวิตก็เริ่มเป็นที่แพร่หลาย มีบริษัทประกันชีวิตต่างชาติเข้ามาประกอบธุรกิจเป็นจำนวนมาก ซึ่งต่อมาในช่วงปี พ.ศ. ๒๔๘๕ อันเป็นช่วงสงครามโลกครั้งที่ ๒ จึงมีกลุ่มบุคคลคนไทยได้ก่อตั้งบริษัทประกันชีวิตที่เป็นของคนไทยขึ้นเป็นครั้งแรก
การประกันชีวิตต้องหยุดชะงักลงเมื่อเกิดสงครามโลกครั้งที่ ๒ บริษัทประกันชีวิตต่างชาติได้พากันปิดกิจการและขนทรัพย์สินกลับสู่ภูมิลำเนาเดิม ยังความเสียหายให้แก่ผู้เอาประกันในเมืองไทยเป็นอย่างยิ่ง ด้วยเหตุนี้คนไทยและข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ของไทยในสมัยนั้น จึงได้รวมตัวกันก่อตั้งบริษัทประกันชีวิตของไทยขึ้น เมื่อวันที่ ๒๒ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๕ ภายใต้ชื่อ บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด นับเป็นบริษัทประกันชีวิตแห่งแรกของคนไทย ที่มุ่งสร้างหลักประกันที่มั่นคงให้กับครอบครัวคนไทย โดยมีคณะกรรมการดังนี้
๑. พระยาชัยสุรินทร์ (ตาล บุนนาค)
๒. นายบุญล้อม พึ่งสุนทร
๓. นายปพาฬ บุญ-หลง
๔. นายหลุย พนมยงค์
๕. นายวิจิตร์ ลุลิตานนท์
๖. นายโล่เต็กชวน บูลสุข
๗. นายตันจินเก่ง
๘. นายเชวง เคียงศิริ
๙. นายตันเกียกปุ้น
หลังจากนั้นบริษัทฯ ได้รับหนังสืออนุญาตจากกระทรวงคลังให้ประกอบธุรกิจประกันภัย เมื่อวันที่ ๒๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๘๕ แล้วก็ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารชุดแรกเพื่อดำเนินธุรกิจ ซึ่งประกอด้วย
๑. เจ้าพระยาศรีธรรมาธิเบศ (จิตร ณ สงขลา) ประธานกรรมการ
๒. พระยาชัยสุรินทร์ กรรมการ
๓. นายหลุย พนมยงค์ กรรมการ
๔. นายบุญล้อม พึ่งสุนทร กรรมการ
๕. นายปพาฬ บุญ-หลง กรรมการ
๖. นายวิจิตร์ ลุลิตานนท์ กรรมการ
๗. นายเชวง เคียงศิริ กรรมการ
๘. นายโล่เต็กชวน บูลสุข กรรมการ
บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด เริ่มดำเนินกิจการประกันชีวิตครั้งแรกด้วยทุนจดทะเบีย๑,๐๐๐,๐๐๐ และมีสำนักงานแห่งแรกตั้งอยู่เลขที่ ๒๕ - ๒๗ ถนนเยาวราช กรุงเทพฯ ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๕๐๐ ได้ย้าย สำนักงานมาอยู่ ณ เลขที่ ๖๒๔ ตึกสหธนาคาร และในปี พ.ศ. ๒๕๐๒ ได้ย้ายสำนักงานมาอยู่ ณ อาคาร ๘ ถนนราชดำเนิน พร้อมกับได้ดำเนินกิจการเรื่อยมา จนกระทั่งในปี พ.ศ. ๒๕๑๓ จึงได้มีการเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ อันมีนายวานิช ไชยวรรณ เป็นผู้นำเข้ามาปรับปรุงโครงสร้าง และระบบบริหารงานครั้งใหญ่ โดยมีนายอนิวรรตน์ กฤตยากีรณ เป็นกำลังสำคัญในการวางรากฐานการดำเนินงานที่ทันสมัย และมีประสิทธิภาพรวมทั้งได้ปรับปรุงโครงสร้างระบบงาน ตลอดจนวางแผนพัฒนาจนไทยประกันชีวิต สมบูรณ์ในทุกๆ ด้าน ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ไทยประกันชีวิตได้สั่งสมประสบการณ์และความชำนาญในการดำเนินธุรกิจ ทั้งยังได้รับความเชื่อมั่นศรัทธาจากมหาชนเพิ่มขึ้นตามลำดับ เป็นผลให้ไทยประกันชีวิตก้าวขึ้นสู่บริษัทประกันชีวิตชั้นแนวหน้าของคนไทยปัจจุบัน
ปณิธาน
ในทุกปีที่เราทำงานหนัก ในทุกก้าวที่เรามุ่งมั่น ในทุกจุดหมายที่เราตั้งใจจริง ในทุกการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น มีเหตุผลเดียว เพราะเราทำงานกับชีวิตคน ชีวิตคนไทย และเป็นเหตุผลที่ยิ่งใหญ่เพียงสิ่งเดียว ที่จะทำให้เราไม่เปลี่ยนปณิธานนี้ ไม่ว่าวันเวลาจะหมุนผ่านไปอีกนานแค่ไหน
วิสัยทัศน์
๑. มีเจตนารมณ์ที่แน่วแน่ในการปฏิบัติภารกิจของบริษัทให้ลุล่วงด้วยดี ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของความสำเร็จร่วมกัน
๒. สร้างเอกลักษณ์ในการบริหารและตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้เกิดความพึงพอใจสูง
๓. เป็นองค์กรไทยที่มีบทบาทสำคัญในการสร้างสรรค์ประโยชน์ และพัฒนาสังคมเพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีกับคนไทย
๔. ดำเนินธุรกิจอย่างมืออาชีพ โดยยึดมั่นในหลักคุณธรรม ด้วยความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันตลอไป
ภารกิจ
มุ่งมั่นในการเป็นบริษัทประกันชีวิตของคนไทยในระดับสากล ที่สร้างหลักประกันความมั่นคงทางการเงินแก่ประชาชนทุกครอบครัวทุกระดับและให้บริการที่สะดวก รวดเร็วสมบูรณ์แบบ ครอบคลุมพื้นที่
อุดมการณ์
ตั้งมั่น ต่อการเป็นสถาบันการเงินที่ซื่อสัตย์ มั่นคง และดำเนินธุรกิจด้วยหลักวิชาการอันทันสมัย มุ่งมั่น สร้างสรรค์แบบกรมธรรม์ประกันชีวิตที่ให้ประโยชน์สูงสุด และการบริการที่มีคุณภาพนำหน้า ถือมั่น ส่งเสริมความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ และคุณภาพชีวิตของพนักงาน ยึดมั่น ในการสนับสนุนและบำเพ็ญกิจกรรมสาธารณประโยชน์

เกียรติประวัติสูงสุดครุฑพระราชทาน ปีพุทธศักราช ๒๕๔๑ นับเป็นเกียรติประวัติอันสูงสุดของบริษัทไทยประกันชีวิต ที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานตราตั้งแก่ บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด โดยได้มีพระบรมราชโองการให้ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี นายชวน หลีกภัย ออกหนังสือตราตั้งให้ไทยประกันชีวิตเป็นบริษัทในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตั้งแต่วันที่ ๒๔ มีนาคม ๒๕๔๑ ตราตั้ง หรือ พระครุฑพ่าห์ เป็นตราประจำแผ่นดินซึ่งเปรียบเสมือนสัญลักษณ์อันสูงสุด เปี่ยมด้วยคุณค่า ซึ่งผู้ที่จะได้รับพระราชทานตราตั้งจะต้องอยู่ในฐานะนิติบุคคลที่มีฐานะการเงินดี เป็นที่น่าเชื่อถือ ประกอบการโดยสุจริต พร้อมตั้งมั่นอยู่ในศีลธรรม ดังนั้น การที่บริษัทไทยประกันชีวิตได้รับพระราชทานตราตั้งย่อมเป็นสิ่งสะท้อนให้เห็นถึงการดำเนินงานของบริษัทฯ ที่ตั้งมั่นอยู่บนความซื่อสัตย์สุจริต มั่นคงด้วยสถานภาพทางการเงิน ควบคู่กับการตระหนักในความรับผิดชอบที่พึงมีต่อสังคม ด้วยการตอบแทนกำไรกลับคืนสู่สังคมในรูปแบบของการบำเพ็ญกิจกรรมสาธารณ-ประโยชน์ อย่างมากมาย
ออมเงินวันละ 20 บาทก็มีทุนคุ้มครอง 100,000.-
การออมด้วยการทำประกันชีวิต นั้นมีหลายรูปแบบ การทำประกันชีวิตเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดนั้นต้องมีการวางแผนให้เหมาะสมกับตนเองคือซื้อประกันในวงเงินที่คิดว่าสามารถจ่ายได้อย่างไม่ลำบาก นอกจากนี้ควรศึกษาแบบประกันต่างๆให้เข้าใจ เพื่อตัดสินใจเลือกทำประกันในแบบที่เหมาะสมกับตนเองที่สุด
การประกันชีวิตเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการออมเงินเพราะสามารถสร้างหลักประกันให้กับตนเองและครอบครัวได้ กรมธรรม์ประกันชีวิตจึงไม่ใช่แค่กระดาษแผ่นหนึ่ง แต่เป็นเหมือนเงินก้อนโตที่สามารถสำรองเอาไว้ใช้ในอนาคต เพื่อประโยชน์หลายๆ ด้าน เช่น ใช้เป็นกองทุนการศึกษาให้กับบุตรหลาน ใช้เป็นกองทุนเลี้ยงชีพเมื่อถึงวัยชรา หรือ เป็นค่ารักษาพยาบาลยามเจ็บป่วย เป็นต้น
และมาถึงช่วงที่กระผมขอแนะนำ กรมธรรม์ที่ได้ โพส ไว้ว่า "ออมเงินวันละ 20 บาทก็มีทุนคุ้มครองถึง 100,000.-บาทได้" ดังนี้ครับ
แบบกรมธรรม์ ทุนคุ้มครอง เงินปันผลระหว่างปี เงินปันผลครบกำหนด เบี้ยที่ต้องชำระต่อปี
1. ทรัพย์ปันผล20ปี 100,000.- สิ้นปีที่ 2 ปีละ 2,000.- 120,000.-* 7,080 - 7,140.-
2. ธนทรัพย์ 20ปี 100,100.- ไม่มี 115,000.-* 5,050 - 5,110.-
