วันพุธที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2552

ประวัติบริษัท ไทยประกันชีวิต

ประวัติบริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด(มหาชน)
ความเป็นมา นับจากที่การประกันชีวิตเริ่มเป็นที่รู้จักในเมืองไทยราวสมัยรัชกาลที่ ๕ โดยมีบริษัทต่างประเทศเข้ามาดำเนินกิจการ และตั้งสำนักงานตัวแทนเสนอขายประกันชีวิตแบบตลอดชีพ พร้อมกับมีสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ เอกอัครมหาเสนาบดี เป็นผู้ถือกรมธรรม์ฉบับแรกนั้น อาจเรียกได้ว่าการประกันชีวิตยังไม่เป็นที่นิยมมากนัก แต่หลังจากที่ได้มีการก่อตั้งกองประกันภัย สังกัดกระทรวงพาณิชย์และ คมนาคมขึ้นในปี พ.ศ. ๒๔๗๒ ธุรกิจประกันชีวิตก็เริ่มเป็นที่แพร่หลาย มีบริษัทประกันชีวิตต่างชาติเข้ามาประกอบธุรกิจเป็นจำนวนมาก ซึ่งต่อมาในช่วงปี พ.ศ. ๒๔๘๕ อันเป็นช่วงสงครามโลกครั้งที่ ๒ จึงมีกลุ่มบุคคลคนไทยได้ก่อตั้งบริษัทประกันชีวิตที่เป็นของคนไทยขึ้นเป็นครั้งแรก
การประกันชีวิตต้องหยุดชะงักลงเมื่อเกิดสงครามโลกครั้งที่ ๒ บริษัทประกันชีวิตต่างชาติได้พากันปิดกิจการและขนทรัพย์สินกลับสู่ภูมิลำเนาเดิม ยังความเสียหายให้แก่ผู้เอาประกันในเมืองไทยเป็นอย่างยิ่ง ด้วยเหตุนี้คนไทยและข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ของไทยในสมัยนั้น จึงได้รวมตัวกันก่อตั้งบริษัทประกันชีวิตของไทยขึ้น เมื่อวันที่ ๒๒ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๕ ภายใต้ชื่อ บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด นับเป็นบริษัทประกันชีวิตแห่งแรกของคนไทย ที่มุ่งสร้างหลักประกันที่มั่นคงให้กับครอบครัวคนไทย โดยมีคณะกรรมการดังนี้

๑. พระยาชัยสุรินทร์ (ตาล บุนนาค)
๒. นายบุญล้อม พึ่งสุนทร
๓. นายปพาฬ บุญ-หลง
๔. นายหลุย พนมยงค์
๕. นายวิจิตร์ ลุลิตานนท์
๖. นายโล่เต็กชวน บูลสุข
๗. นายตันจินเก่ง
๘. นายเชวง เคียงศิริ
๙. นายตันเกียกปุ้น

หลังจากนั้นบริษัทฯ ได้รับหนังสืออนุญาตจากกระทรวงคลังให้ประกอบธุรกิจประกันภัย เมื่อวันที่ ๒๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๘๕ แล้วก็ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารชุดแรกเพื่อดำเนินธุรกิจ ซึ่งประกอด้วย

๑. เจ้าพระยาศรีธรรมาธิเบศ (จิตร ณ สงขลา) ประธานกรรมการ
๒. พระยาชัยสุรินทร์ กรรมการ
๓. นายหลุย พนมยงค์ กรรมการ
๔. นายบุญล้อม พึ่งสุนทร กรรมการ
๕. นายปพาฬ บุญ-หลง กรรมการ
๖. นายวิจิตร์ ลุลิตานนท์ กรรมการ
๗. นายเชวง เคียงศิริ กรรมการ
๘. นายโล่เต็กชวน บูลสุข กรรมการ


บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด เริ่มดำเนินกิจการประกันชีวิตครั้งแรกด้วยทุนจดทะเบีย๑,๐๐๐,๐๐๐ และมีสำนักงานแห่งแรกตั้งอยู่เลขที่ ๒๕ - ๒๗ ถนนเยาวราช กรุงเทพฯ ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๕๐๐ ได้ย้าย สำนักงานมาอยู่ ณ เลขที่ ๖๒๔ ตึกสหธนาคาร และในปี พ.ศ. ๒๕๐๒ ได้ย้ายสำนักงานมาอยู่ ณ อาคาร ๘ ถนนราชดำเนิน พร้อมกับได้ดำเนินกิจการเรื่อยมา จนกระทั่งในปี พ.ศ. ๒๕๑๓ จึงได้มีการเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ อันมีนายวานิช ไชยวรรณ เป็นผู้นำเข้ามาปรับปรุงโครงสร้าง และระบบบริหารงานครั้งใหญ่ โดยมีนายอนิวรรตน์ กฤตยากีรณ เป็นกำลังสำคัญในการวางรากฐานการดำเนินงานที่ทันสมัย และมีประสิทธิภาพรวมทั้งได้ปรับปรุงโครงสร้างระบบงาน ตลอดจนวางแผนพัฒนาจนไทยประกันชีวิต สมบูรณ์ในทุกๆ ด้าน ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ไทยประกันชีวิตได้สั่งสมประสบการณ์และความชำนาญในการดำเนินธุรกิจ ทั้งยังได้รับความเชื่อมั่นศรัทธาจากมหาชนเพิ่มขึ้นตามลำดับ เป็นผลให้ไทยประกันชีวิตก้าวขึ้นสู่บริษัทประกันชีวิตชั้นแนวหน้าของคนไทยปัจจุบัน

ปณิธาน
ในทุกปีที่เราทำงานหนัก ในทุกก้าวที่เรามุ่งมั่น ในทุกจุดหมายที่เราตั้งใจจริง ในทุกการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น มีเหตุผลเดียว เพราะเราทำงานกับชีวิตคน ชีวิตคนไทย และเป็นเหตุผลที่ยิ่งใหญ่เพียงสิ่งเดียว ที่จะทำให้เราไม่เปลี่ยนปณิธานนี้ ไม่ว่าวันเวลาจะหมุนผ่านไปอีกนานแค่ไหน

วิสัยทัศน์
๑. มีเจตนารมณ์ที่แน่วแน่ในการปฏิบัติภารกิจของบริษัทให้ลุล่วงด้วยดี ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของความสำเร็จร่วมกัน
๒. สร้างเอกลักษณ์ในการบริหารและตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้เกิดความพึงพอใจสูง
๓. เป็นองค์กรไทยที่มีบทบาทสำคัญในการสร้างสรรค์ประโยชน์ และพัฒนาสังคมเพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีกับคนไทย
๔. ดำเนินธุรกิจอย่างมืออาชีพ โดยยึดมั่นในหลักคุณธรรม ด้วยความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันตลอไป

ภารกิจ
มุ่งมั่นในการเป็นบริษัทประกันชีวิตของคนไทยในระดับสากล ที่สร้างหลักประกันความมั่นคงทางการเงินแก่ประชาชนทุกครอบครัวทุกระดับและให้บริการที่สะดวก รวดเร็วสมบูรณ์แบบ ครอบคลุมพื้นที่

อุดมการณ์
ตั้งมั่น ต่อการเป็นสถาบันการเงินที่ซื่อสัตย์ มั่นคง และดำเนินธุรกิจด้วยหลักวิชาการอันทันสมัย มุ่งมั่น สร้างสรรค์แบบกรมธรรม์ประกันชีวิตที่ให้ประโยชน์สูงสุด และการบริการที่มีคุณภาพนำหน้า ถือมั่น ส่งเสริมความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ และคุณภาพชีวิตของพนักงาน ยึดมั่น ในการสนับสนุนและบำเพ็ญกิจกรรมสาธารณประโยชน์
สนใจติดต่อคุณศุภฤกษ์ 080-078-8720 หรือ






เกียรติประวัติสูงสุด
ครุฑพระราชทาน ปีพุทธศักราช ๒๕๔๑ นับเป็นเกียรติประวัติอันสูงสุดของบริษัทไทยประกันชีวิต ที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานตราตั้งแก่ บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด โดยได้มีพระบรมราชโองการให้ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี นายชวน หลีกภัย ออกหนังสือตราตั้งให้ไทยประกันชีวิตเป็นบริษัทในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตั้งแต่วันที่ ๒๔ มีนาคม ๒๕๔๑ ตราตั้ง หรือ พระครุฑพ่าห์ เป็นตราประจำแผ่นดินซึ่งเปรียบเสมือนสัญลักษณ์อันสูงสุด เปี่ยมด้วยคุณค่า ซึ่งผู้ที่จะได้รับพระราชทานตราตั้งจะต้องอยู่ในฐานะนิติบุคคลที่มีฐานะการเงินดี เป็นที่น่าเชื่อถือ ประกอบการโดยสุจริต พร้อมตั้งมั่นอยู่ในศีลธรรม ดังนั้น การที่บริษัทไทยประกันชีวิตได้รับพระราชทานตราตั้งย่อมเป็นสิ่งสะท้อนให้เห็นถึงการดำเนินงานของบริษัทฯ ที่ตั้งมั่นอยู่บนความซื่อสัตย์สุจริต มั่นคงด้วยสถานภาพทางการเงิน ควบคู่กับการตระหนักในความรับผิดชอบที่พึงมีต่อสังคม ด้วยการตอบแทนกำไรกลับคืนสู่สังคมในรูปแบบของการบำเพ็ญกิจกรรมสาธารณ-ประโยชน์ อย่างมากมาย



ออมเงินวันละ 20 บาทก็มีทุนคุ้มครอง 100,000.-

สวัสดีครับ..ท่านที่สนใจการออมโดยวิธีการประกันชีวิต ซึ่งเป็นการออมที่ดีที่สุดเพื่อเป็นการการันตีว่าในอนาคตข้างหน้าที่ยังมาไม่ถึงเราจะมีเงินเก็บอย่างแน่นอน พร้อมทั้งมีหลักประกันในการคุ้มครองชีวิตในขณะที่เรากำลังออมอยู่ โดยมีผลตอบแทนที่ให้มากกว่าการฝากเงินกับสถานบันทางการเงิน และยังสามารถนำเบี้ยการชำระไปลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย เป็นที่ทราบกันดีนะครับว่าเศรษฐกิจในช่วงนี้กำลังแย่และกระผมก็เข้าใจว่ากำลังการจับจ่ายใช้สอยของทุกท่านก็ฝืดเคืองกันถ้วนหน้า แถมยังมาเจอพวกขายประกันอีก ในที่นี้กระผมขออธิบายสั้นๆนะครับว่า การทำประกันชีวิตไม่ใช่เรื่องของรายจ่ายเลยแต่เป็นเรื่องที่พวกเราทั้งหลายลืมมองถึงอนาคตหรือการวางแผนทางการเงิน ในวันข้างหน้าและความมั่นคงที่แน่นอนของชีวิต บางท่านเข้าใจว่าความมั่นคงจะต้องมีการงานที่ดี มีเงินเดือนเยอะๆ แต่กระผมกลับมองว่ามันเป็นความมั่นคงที่ไม่มีหลักประกันอะไรเลย เช่นอย่างภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน บริษัทต่างๆก็ปิดตัวไปมาก ทำให้ใครหลายคนต้องกลับมานั่งคิดว่าจะทำกันอย่างไรในสภาวะเศรษฐกิจอย่างนี้ ซึ่งส่วนใหญ่ที่คิดก็คือจะหาเงินมาจุนเจือครอบครัวอย่างไร ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นมานี้ถ้าเรารู้จักออมหรือมีการวางแผนทางการเงินที่ดี และรู้จักการใช้อย่างพอเพียงตามกระแสพระราชดำรัสของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว "กินอย่างพอเพียงอยู่อย่างพอเพียง" ปัญหาทางการเงินก็จะไม่เกิดผลกระทบกับคนหลายๆคนในขณะนี้ ซึ่งเป็นที่แน่นอนครับรู้จักใช้แล้วก็ต้องรู้จักเก็บ การเก็บออมมีด้วยกันหลายวิธี แต่ในที่นี้กระผมขอเสนอ "การออมด้วยการทำประกันชีวิต"
การออมด้วยการทำประกันชีวิต นั้นมีหลายรูปแบบ การทำประกันชีวิตเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดนั้นต้องมีการวางแผนให้เหมาะสมกับตนเองคือซื้อประกันในวงเงินที่คิดว่าสามารถจ่ายได้อย่างไม่ลำบาก นอกจากนี้ควรศึกษาแบบประกันต่างๆให้เข้าใจ เพื่อตัดสินใจเลือกทำประกันในแบบที่เหมาะสมกับตนเองที่สุด
การประกันชีวิตเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการออมเงินเพราะสามารถสร้างหลักประกันให้กับตนเองและครอบครัวได้ กรมธรรม์ประกันชีวิตจึงไม่ใช่แค่กระดาษแผ่นหนึ่ง แต่เป็นเหมือนเงินก้อนโตที่สามารถสำรองเอาไว้ใช้ในอนาคต เพื่อประโยชน์หลายๆ ด้าน เช่น ใช้เป็นกองทุนการศึกษาให้กับบุตรหลาน ใช้เป็นกองทุนเลี้ยงชีพเมื่อถึงวัยชรา หรือ เป็นค่ารักษาพยาบาลยามเจ็บป่วย เป็นต้น
และมาถึงช่วงที่กระผมขอแนะนำ กรมธรรม์ที่ได้ โพส ไว้ว่า "ออมเงินวันละ 20 บาทก็มีทุนคุ้มครองถึง 100,000.-บาทได้" ดังนี้ครับ

แบบกรมธรรม์ ทุนคุ้มครอง เงินปันผลระหว่างปี เงินปันผลครบกำหนด เบี้ยที่ต้องชำระต่อปี

1. ทรัพย์ปันผล20ปี 100,000.- สิ้นปีที่ 2 ปีละ 2,000.- 120,000.-* 7,080 - 7,140.-


2. ธนทรัพย์ 20ปี 100,100.- ไม่มี 115,000.-* 5,050 - 5,110.-